วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ข้อง



ขั้นตอนการผลิต 
1. ตัดไม้ไผ่บ้าน 2  ปล้อง  ( ข้องขนาดกลาง ) ยาวประมาณ  30  ซม.  นำมาจักเป็นเส้นแบนกว้างเท่ากันเส้นละ  5-6 มิลลิเมตร  เหลาไม้ไผ่ให้ปลายข้างหนึ่งแหลมเรียวประมาณ  40  เส้น ( เรียกว่าตอกชั่งทางขึ้น )
2. ตัดไม้ไผ่ประมาณ  5-6 ปล้อง  ความยาวปล้องละ  5-6  ฟุต นำมาเหลาทำเป็นตอกสานแนวนอน  สานยกแนวให้ตั้งขึ้นมาเรื่อย ๆ สูง  ประมาณ  20 ซม. จะเป็นรูปคอข้องแคบเข้าโดยรอบและสานต่อเป็นรูปปากข้องสูงพอประมาณ  ทำขอบปากข้องโดยใช้ไม้งิ้ว  ( ต้นนุ่น ) มาดัดให้เป็นวงกลมพอดีปากข้องประกบเข้ากัน  ใช้หวายรัดตัดขอบปากข้องให้แน่น  เสร็จแล้วใช้ไม้ไผ่สานงาข้อง  ( เรียกว่าปิดปากข้อง ) สานเป็นรูปกรวยลึกประมาณ  10  ซม. ทำตีนข้องทั้งสี่ด้าน  โดยนำไม้ไผ่หรือไม้เนื้อแข็งก็ได้  เหลาเสียบเข้ามุมตีนข้องทั้ง 4 ด้าน  ตีนสูงประมาณ  10  ซม.
วิธีใช้  ใช้เชือกรัดรอบคอข้องผูกรัดติดเอวเจ้าของเมื่อได้สัตว์มาก็จับยัดลงไปในข้อง  ได้เลย ถ้ากรณีเป็นข้องลอย  จะใช้เชือกยาวประมาณ  2-4  เมตร ผูกที่ข้องและเอวเจ้าของดึงลากไปมาตามทิศทางการเคลื่อนไหวของเจ้าของข้อง

ข้าวหลาม



     ข้าวหลาม เป็นอาหารชนิดหนึ่ง ซึ่งในสมัยก่อนคนไทยจะใช้กระบอกไม้ไผ่ในการหุงข้าวด้วย ข้าวที่ได้จะมีลักษณะเป็นทรงกระบอก เชื่อมกันด้วยเยื่อไผ่ทำให้เป็นรูปทรงสวยงาม แต่ในปัจจุบันนี้ คนไทยนิยมนำมารับประทานเป็นขนมหวาน โดยมีส่วนผสมคือ ข้าวเหนียว กะทิ และบางตำราจะมีการใส่ถั่วดำด้วย

    วิธีทำ
    1.นำเข้าเหนียวที่จะทำ นำไปแช่น้ำช่วงเวลาเย็น
    2. ทำการคั้นกะทิไว้ควรคั้นสดในช่วงเช้าจะดี
    3. รุ่งขึ้นตอนเช้าซาวข้าวเหนียวที่แช่ไว้นำมาใส่กะทิ น้ำตาล และเกลือ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
    4. นำข้าวเหนียวที่ผสมใส่ลงไปในกระบอกไม้ไผ่ที่ได้เตรียมไว้แล้ว ให้น้ำท่วมเมล็ดข้าวเหนียวให้เหลือพื้นที่ปากกระบอกไม้ไผ่ไว้ประมาณ 2 นิ้ว
    5. นำไปเผาไฟโดยใช้ความร้อนปานกลางเผาให้สุกอย่าให้ไฟลุกจะทำให้ไหม้กระบอก ควรเป็นลักษณะไฟถ่าน ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
    6. ถ้าจะใส่ไส้สังขยาหรือถั่วดำให้เปิดจุกแล้วใช้ไม้สะอาดขนาดเท่านิ้วมือเราแทงลงไปตรงกลางข้าวหลามให้เป็นรูแล้วนำสังขยาเทใส่ ปิดฝาอุด แล้วนำไปเผาต่อให้สุกใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
    7. เมื่อสุกแล้วยกลงปอกเปลือก กระบอกไม้ไผ่ออก จะได้ข้าวหลามรสสังขยาหรือถั่วดำ หรือแม้แต่ไส้อื่น ๆ ก็ทำได้เช่นกัน



วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

แคร่


      ในช่วงแรกๆ ตาวรได้ทำแคร่ไว้เพื่อสำหรับนอนเพียงอย่างเดียวและมีอยู่แบบเดียว ต่อมาก็ได้มีการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ให้มีรูปแบบต่างๆ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ เป็นต้นจนมาถึงปัจจุบัน...โดยแคร่ไม้ไผ่มีความสวยงาม คงทน แข็งแรง อยู่ได้นานเป็นปีๆ ซึ่งมีราคาพอสมควร ไม่แพงจนเกินไป นอกจากนี้ยังเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยอีกด้วย

ตะกร้า




          ตะกร้าสิ่งประดิษฐ์ ที่กลายมาเครื่องมือเครื่องใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณ ปัจจุบันนี้แทบจะไม่มีคนจักสานตะกร้าไม้ไผ่เลยเพราะคนสมัยนี้ไม่ค่อยสนใจในวัฒนธรรมเดิมๆเลย ในแต่ละหมู่บ้านหาคนที่จักสานตะกร้าได้น้อยมากบางหมู่บ้านไม่มีเลยด้วยซ้ำ แต่ตะกร้าที่สานนั้นยังสร้างรายได้ให้กับคนแก่อย่างอีกด้วยเพราะมีคนในหมู่บ้านและหมู่บ้านใกล้เคียงมาถามซื้อจาก ก็ขายในราคาไม่แพง ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 80 บาท แล้วแต่ขนาดของตะกร้าค่ะ

วิธีการทำตะกร้า

๑. ตัดไม้ไผ่แก่มาผ่าซีกและผ่าแบ่งเป็นเสี้ยวเล็ก ๆ ขนาดประมาณ ๑ ซม. และอีกส่วนหนึ่งผ่าประมาณ ๑ นิ้ว เพื่อใช้ทำขอบปากตะกร้าและมือจับ

๒. นำแต่ละชิ้นที่ผ่าไว้ ลอกใช้แต่ส่วนเปลือก โดยใช้มีดคม ๆ เหลาหรือขูดเนื้อไม้ออกและเหลือแต่ส่วนเปลือกบาง ๆ และเหนียว

๓. เริ่มต้นสานตะกร้า โดยเริ่มที่ก้นก่อน โดยใช้ส่วนที่แข็งกว่าและหนากว่าสานที่ก้น ความยาวของไม้ตามขนาดของตะกร้า เส้นที่แข็งกว่าสานขึ้นตามแนวตั้ง ความห่างเท่า ๆ กัน ส่วนเส้นไม้ไผ่ที่บาง นิ่ม สานตามขวางชั้นมาเรื่อย ๆ แน่น มีลักษณะเป็นวงกลมแต่ปากตะกร้าจะกว้างกว่าก้นตะกร้า พอได้ขนาดตามต้องการใช้ไม้ไผ่ขนาด ๑ นิ้ว ทำให้เป็นวงกลมและวางไว้ที่ขอบปากตะกร้า ใช้ไม่ไผ่ส่วนที่ตั้งขึ้น พัน หรือ บิดลงไปด้านล่าง สานลงไปประมาณ ๑ นิ้ว จนแน่นไม่หลุด ตัดเศษที่เหลือทิ้ง ตกแต่งให้สวยงาม

๔. ใส่หูหรือที่หิ้ว ซึ่งทำจากไม้ไผ่และโค้งงอได้ ใช้เชือกหรือหวายพันให้แน่น หรือใช้เชือกที่เป็นสีพันที่มือจับจนมิด นำไปใช้งานหรือขายได้

๕. หากต้องการเก็บไว้ใช้งานได้นาน ทาเล็กเกอร์เคลือบไม้ไผ่ทั้งด้านในและด้านนอก แล้วนำไปตากแดดให้แห้ง

วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

กระด้ง






       ในสมัยก่อนกระด้ง เป็นเครื่องมือใช้สำหรับร่อนเพื่อแยกเปลือกออกจากสิ่งที่เราต้องการ กระด้งส่วนใหญ่สานด้วยผิวของไม้ไผ่หรือหากอยากให้มีความคงทนมากขึ้นก็ต้อง สานด้วยผิวของก้านหวาย กระด้งเป็นเครื่องมือที่ได้รับ ความนิยมของคนในท้องถิ่น เนื่องจากคนในท้องถิ่นมีอาชีพทำนาและยังรักษาภูมิปัญญาท้องถิ่นแบบดั้งเดิม คือ การเกี่ยวข้าวก็ใช้วิธีการเก็บด้วยมือ การนวดก็ใช้วิธีการนวดด้วยเท้า การ กระแทะเปลือกข้าวก็ใช้วิธีการกระแทะด้วยครกกระเดื่อง กรรมวิธีต่างๆดังกล่าวข้างต้นต้องใช้กระด้งในการผลิตจึงทำให้กระด้งมีความ สำคัญอยู่ในปัจจุบัน
        ลักษณะของกระด้ง มีลักษณะเป็นวงกลม ตัวกระด้งสานด้วยผิวของเส้นหวาย ส่วนขอบกระด้งจะใช้ก้านหวายม้วนให้เป็นวงกลมแล้วผูกติดกับตัวกระด้ง อายุการใช้งานของกระด้งอายุประมาณ ๕๐ กว่าปี                                                                        
วัสดุที่ใช้        
 ๑. ไม้ไผ่ (ผิวไม้ไผ่)      ๒. หวาย
ประโยชน์ของภูมิปัญญา
กระด้ง เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีประโยชน์มาตั้งแต่อดีตจนกระทั้งถึงปัจจุบัน ประโยชน์ของกระด้ง คือใช้สำหรับร่อนเพื่อแยกเปลือกออกจากสิ่งที่เราต้องการ
แนวคิดในการจัดเก็บรักษา
ปัจจุบันกระด้งยังได้รับความสนใจจากคนในท้องถิ่น กระด้งเก่าๆที่มีอยู่จึงได้จัดเก็บไว้เพื่อให้ลูกหลานได้เรียนรู้และศึกษา ต่อไป